top of page
ค้นหา

[TRANS] THE RAMPAGE กับผลงานใหม่ล่าสุดที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ INVISIBLE LOVE “ความรักที่มองไม่เห็น”

  • รูปภาพนักเขียน: DU[si]TA
    DU[si]TA
  • 7 พ.ค. 2563
  • ยาว 2 นาที


Single ใหม่ล่าสุดจากหนุ่มๆ THE RAMPAGE from EXILE TRIBE “INVISIBLE LOVE” เพลงนี้จะมาในแนวบัลลาดบีบคั้นอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งจะแตกต่างออกไปจากเพลงก่อนๆ ที่มีพลัง และดนตรีหนักๆ ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานใหม่ที่จะทำให้เราได้เห็นเสน่ห์ในอีกด้านหนึ่งของพวกเขา


“INVISIBLE LOVE” ถือเป็นครั้งแรกของ THE RAMPAGE ที่ใช้แพลงบัลลาดเป็นเพลงหลักในการโปรโมท Singleนี้ ความรู้สึกแรกหลังจากที่ได้ลองฟัง ตั้งแต่ Intro ขึ้นก็รู้สึกว่าเพลงให้อารมณ์ที่มีความลึกลับหน่อยๆ

Hokuto : ผมเคยคิดมาสักพักแล้วเหมือนกันครับ ว่าอยากจะให้มี Single ที่เป็นเพลงบัลลาดออกมาดูบ้างเหมือนกัน และผมก็ชื่นชอบ Odake Masato ซังที่เป็นผู้แต่งเนื้อเพลงนี้เป็นการส่วนตัวด้วยครับ ครั้งนี้มันก็เลยเหมือนกับว่าความฝันทั้ง 2 สิ่งของผมมันเป็นสำเร็จได้พร้อมๆ กัน ดีใจมากครับ แล้วก็ในส่วนของทั้งดนตรี และเนื้อร้องของเพลงนี้มันให้ความรู้สึกที่เป็นผู้ใหญ่, ความเจ็บปวด และเสียใจ ตอนที่รู้ว่าจะใช้เพลงนี้เป็นเพลงหลักผมตื่นเต้นมากครับ แล้วผมก็ใส่ความตั้งใจลงไปในทุกๆ ท่อนของตัวเองอย่างเต็มที่เลยครับ

RIKU : ก่อนหน้านี่ผมเคยคุยกับ LIKIYA ซังทำนองว่า “ถ้าเรามีโอกาศได้เต้นเพลงบัลลาดก็คงจะดีนะ” พอได้ฟัง INVISIBLE LOVE แล้วมันเลยรู้สึกดีใจมากๆ เลยครับ แล้วอีกอย่างผมรู้สึกว่าเพลงนี้มเป็นความท้าทายอีกอย่างของ THE RAMPAGE แล้วตอนได้ฟัง DEMO ครั้งแรกก็แอบรู้สึกว่าร้องยากนิดๆ เหมือนกันครับ คือมันมีทั้งความรู้สึกขอบคุณที่ทำเพลงนี้ออกมาให้เรา แต่ก็แอบเครียดไปพร้อมๆ กันด้วยเหมือนกันครับ

นักแต่งเพลง Odake Masato ผู้ที่แต่งเนื้อร้องให้กับเพลง INVISIBLE LOVE มีความสัมพันธ์กับศิลปินในค่าย LDH มายาวนาน Kawamu เองก็เคยได้พูดคุยกับ Odake ซังเหมือนกัน จนเก็บอาการไว้ไม่อยู่เลยทีเดียว

Kazuma : ผมได้อ่านเนื้อร้องก่อนได้ฟังดนตรีครับ คำแต่ละคำเรียบเรียงได้อย่างสวยงาม และมันทำให้มองเห็นเรื่องราวได้อย่างชัดเจนมากเลยครับ พอได้รู้ว่า Odake ซัง เป็นผู้เขียนเนื้อร้อง ผมก็วาดภาพของเพลงนี้ขึ้นมาในหัวได้อย่างง่ายดายเลยครับ ก่อนที่ผมจะได้ Debut ในฐานะ THE RAMPAGE ผมได้รับการดูจาก Odake ซัง ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กฝึกแล้วครับ มันเลยรู้สึกเหมือนว่า “สิ่งที่หวังเป็นจริงได้สักที” (หัวเราะ)

มาพูดถึงเรื่องวิธีการร้องที่ Odake ซัง ร้องขอกับทีม Vocal เป็นพิเศษกันบ้าง

Kazuma : “ทำให้ดีเหมือนอย่างที่เคยทำ” เป็นประโยคที่เราได้รับจาก Odake ซังครับ ไม่ได้มีเน้นว่า “ตรงท่อนนี้อยากให้ร้องแบบนี้” แบบเป็นคำขอพิเศษอะไรแบบนั้นไม่มีครับ

RIKU : เราได้รับมาแค่คำว่า “งดงาม” คำเดียวครับ พอได้ยินแบบนั้น ก็กดดันนิดหน่อยครับว่าจะต้องร้องออกมาแบบไหนถึงจะออกมาได้ตรงโจทย์ที่สุด พอได้ลองร้องจริงๆ ดูแล้ว การต้องจินตนาการถึงความสวยงามไปด้วยมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากมากเหมือนกันครับ ด้วยความที่ผมไม่เข้าใจถึงเนื้อร้องได้อย่างชัดเจน ตอนอัดผมเลยมีการแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างทีม Director อยู่หลายครั้งมากครับ อย่างบางครั้งเขาบอก่าตรงส่วนนี้โอเคแล้ว แต่ถ้าตัวผมเองยังรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ผมก็จะขออัดใหม่ จนกว่ามันจะออกมาในแบบที่ใช่จริงๆ เพลงนี้ก็เลยใช้เวลาค่อนข้างมากอยู่เหมือนกันครับ



เพลงนี้ถือเป็นอีกเพลงหนึ่งที่สื่อถึงความรักที่พังทลาย เราลองมาถามสมาชิกคนอื่นๆ ดูบ้างว่ามีท่อนไหนไหมที่ตรงกับตัวเอง

LIKIYA : อืม.. ที่จริงผมก็เคยมีประสบการณ์แบบนั้นเหมือนกันนะครับ แล้วด้วยวัยของผมเองแล้ว ผมก็เลยค่อนข้างที่จะเข้าถึงความหมายในเนื้อเพลงนี้ได้ค่อนข้างง่ายครับ

ZIN : ผมก็เข้าใจนะครับ มันเหมือนอารมณ์แบบเสียงร้องของความต้องการมันดังอยู่ในใจ....

LIKIYA : หัวเราะ

RIKU : LIKIYA ซัง ขำใหญ่เลย (หัวเราะ)

LIKIYA : ขอโทษทีครับ (หัวเราะ) พอดีเมื่อกี๊ตอนที่ Zin พูดอยู่หันไปสบตาพอดีก็เลยเผลอน่ะครับ

ZIN : แต่ผมว่าก็ต้องมีคนที่ประสบการณ์แบบนี้อยู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ ผมชอบเพลงนี้มากเลยครับ ยิ่งได้ฟังผมก็รู้สึกว่าเหมือนความรู้สึกผมมันถูกทำลายลงมาจริงๆ เลยแหละครับ ไม่ว่าเราจะรู้สึกมากแค่ไหน แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่รับรู้มันก็ไปต่อไม่ได้ ผมว่านั่นเป็นจุดที่สำคัญของความรักเหมือนกันนะครับ

Kazuma : หรือว่า.. เพิ่งถูกใครหักอกมาหรือเปล่า?

Zin : ไม่มีหรอก! แต่เมื่อก่อนก็มีแหละ (หัวเราะ)

การพูดคุยดำเนินไปอย่างสนุกสนาน แต่ RIKU ก็ขอย้อนกลับมาพูดถึงการอัดเสียงอีกครั้ง

RIKU : เวลาอัดเสียงผมจะเป็นคนที่ต้องทำออกมาให้สมบูรณ์แบบที่สุด ครั้งนี้ต้องนึกไว้เสมอว่ามันคือบัลลาด แล้วผมก็ซ้อมเยอะกว่าเดิมมากๆ เลยครับก่อนเข้าห้องอัด การใส่ Feeling ลงไปในเพลงเป็นเรื่องที่ดีครับ แต่ส่วนตัวผมมองว่าเราต้องใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปในเพลงด้วยเหมือนกันครับ ก่อนเข้าห้องอัดผมฟัง Demo หลายรอบมาก แล้วระหว่างที่ฟังผมก็จะพยายามจับอารมณ์ของเพลง แล้วก็จะคิดวนไปวนมาในหัวซ้ำๆ ว่าตอนที่อัดจริงจะลองแบบนั้น แบบนี้ดูดีไหม

เวลาที่ร้องเพลงรักเนี่ย มีนึกถึงใครเพื่อเป็นตัวช่วยให้ใส่อารมณ์เข้าไปในเพลงบ้างไหม

RIKU : ผมจะใช้การจินตนาการเอามากกว่าครับ คือไม่ได้เจาะจงถึงใครคนใดคนหนึ่ง แต่ผมจะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในเรื่องราวนั้นๆ มากกว่า เวลาที่อ่านเนื้อร้องผมจะซึบซับอารมณ์ของถ้อยคำในเนื้อเพลง แล้วก็วาดภาพเรื่องราวขึ้นมาในหัวครับ

Kazuma : ครับ เรื่องราวในเพลงนี้มันเห็นภาพได้ค่อนข้างชัดเจนก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีใบหน้าของใครเข้ามาในหัวเลย เหมือนอย่างเวลาอ่านนิยาย มันไม่ได้มีภาพของตัวเอกให้ดูใช่ไหมครับ เราก็จะจิตนาการขึ้นมาเองว่าน่าจะเป็นคนประมาณนี้หรือเปล่านะ อะไรแบบนั้นน่ะครับ

RIKU : ใช่ๆ แล้วเราก็ใส่อารมณ์ของตัวเองเข้าไปให้มันเห็นภาพชัดเจนขึ้น


แล้วท่าเต้นของ INVISIBLE LOVE เองก็แสดงถึงอารมณ์ที่มันอัดแน่นอยู่ในอกได้ออกมาชัดเจนเลย ความแข็งแรงของ THE RAMPAGE กับความละเอียดอ่อนของเพลง ท่าเต้นที่ผสมผสานการแสดงเข้าไปยิ่งทำให้มีความน่าดึงดูดเข้าไปอีก

LIKIYA : ท่าเต้นในครั้งนี้ผมพยายามทำออกมาให้เห็นถึงความรู้สึกของตัวละครในเนื้อเพลง เป็นท่าที่ไม่ได้ช้า หรือเร็วไป ท่อน Verse จะเป็นท่าเต้นแบบสบายๆ แต่พอเข้าท่อน Hook ก็เปลี่ยนอารมณ์มาเป็นท่าที่มี Passion ผสมระหว่างความแข็งแกร่ง และความอ่อนโยน ซึ่งผมว่ามันค่อนข้างที่จะเข้ากับสไตล์ของเพลงที่เป็นรักแนวบัลลาดที่มีกลิ่นอายความ Sexy หน่อยๆ ครั้งนี้ผมรับหน้าที่ออกแบบท่าเต้น ซึ่งผมนึกถึงความสวยงามของเนื้อร้อง และอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครในเนื้อเพลงเป็นหลักครับ

ZIN : แล้วครั้งนี้ก็เป็นนี้ก็เป็นครั้งแรกด้วยครับที่มีการใช้เก้าอี้ในการเต้น

LIKIYA : ที่มีการใช้เก้าอี้ด้วยเนี่ย เป็นไอเดียของผู้กำกับครับ ซึ่งผมว่าเป็นอะไรที่ดึงดูดสายมากเลยครับ นอกจากท่าเต้นที่มีการใช้เก้าอี้แล้วเนี่ย เราก็อยากจะให้ทุกคนเห็นถึงท่าเต้นที่แสดงให้เห็นถึง Passion ที่เข้ากับเนื้อหาของเพลง และเมโลดี้ที่สื่อถึงความเจ็บปวดด้วยเหมือนกันครับ ตอนที่ถ่ายทำ MV กัน ไม่ใช่แค่ Performer นะครับ แต่ทีม Vocal เอง ก็อารมณ์มาเต็มเหมือนกันครับ

Kazuma : ฉากลิปซิงค์ มือผมขยับไปตามอารมณ์เองเลยครับ ที่เห็นใน MV เนี่ยไม่ใช่ว่าผมตั้งใจให้มันออกมาเป็นแบบนั้นนะครับ แต่มันเป็นไปเองตามอารมณ์เลย อันที่จริงแล้ว ในหัวผมไม่ได้คิดอะไรเลยครับ แต่กลับถูกเพลงพาอารมณ์ไปได้ขนาดนั้น ก็รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกันครับ

นั่นเป็นเพราะเนื้อเพลงที่ Odake ซังแต่งเนี่ย เป็นเหมือนพลังที่ช่วยดึงอารมณ์ของเราออกมาอย่างนั้นใช่ไหม

Kazuma : ผมว่ามีส่วนนะครับ แล้วก็ปกติเนี่ยผมจะอ่านหนังสือเยอะมากอยู่ด้วย ก็เลยเหมือนยิ่งซึมซับอารมณ์ของคนในเนื้อเพลงได้ง่ายด้วยมั้งครับ แล้ว Odake ซังเอง เขาก็เขียนหนังสือด้วย แล้วผมก็ชอบรูปแบบการเขียนที่เป็นเอกลักษณ์ของเขามากๆ เลยครับ แล้วเนื้อเพลงของเพลงนี้ก็มีการเล่าเรื่องราวที่ค่อนข้างชัดเจน เพราะงั้นภาพของตัวละครในเพลงมันเลยชัดมาก ผมว่าการเรียบเรียงเนื้อร้องของ Odake ซัง มันค่อนข้างมีผลมากๆ เลยทำให้ตอนที่ถ่าย MV เราเลยสามารถอินไปกับเพลงขนาดนั้นได้ครับ

ในภาพยนตร์เรื่อง PRINCE OF LEGEND มีฉากที่ Hokuto ต้องร้องเพลง Ti Amo ของ EXILE ด้วย ซึ่งก็เป็นเพลงรักในแนวบัลลาด ที่พูดถึงความจ็บปวดเหมือนกันกับ INVISIBLE LOVE ด้วยใช่ไหม

Hokuto : Ti Amo ผมต้องร้องคนเดียวใช่ไหมล่ะครับ แต่กับ INVISIBLE LOVE เนี่ย ถึงจะเป็นเพลงที่สื่อถึงความเจ็บปวดเหมือนกันก็จริง แต่เวลาที่ร้อง นอกจากเราจะต้องใส่ความรู้สึกของตัวเองเข้าไปในเพลงแล้ว เราต้องต้องเชื่อมความรู้สึกของอีกทั้ง 2 คนเข้าไปด้วยครับ แต่ว่า การที่ผมได้ร้อง Ti Amo มาก่อนหน้านั้นเนี่ย ก็เหมือนกับเป็นการเพิ่มประสบการณ์ให้กับตัวเองอีกขั้นนึงเหมือนกันครับ พอเรามีประสบการณ์มาแล้วครั้งนึง ต่อไปก็แค่ปรับเปลี่ยนนิดหน่อยให้มันดีขึ้นก็เท่านั้นครับ แต่ INVISIBLE LOVE เราร้องกันทั้ง 3 คน ถ้าคนใดคนหนึ่งตีความต่างออกไปก็จะทำให้อารมณ์ของเพลงมันไม่เป็นไปในทางเดียวกัน ผมเลยเอาทั้งประสบการณ์จาก Ti Amo มาใช้ แล้วผมก็จะฟังท่อนของ Kazuma กับ RIKU ซัง เพื่อหาเสียงที่บาลานซ์กันที่สุดครับ

แฟนๆ เองก็จับตาดูฉากที่ Hokuto ร้อง Ti Amo กันด้วยเหมือนกันใช่ไหม

Hokuto : ผมว่าน่าจะเป็นเพราะตัวเพลงมากกว่าครับ เพลงนี้ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักใช่ไหมล่ะครับ แล้วการที่ผมได้ร้องเพลงนี้ก็รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ Feedback จากคนรอบตัวเองก็มีเยอะเหมือนกัน เพราะก็มีคนที่ทราบว่าผมชอบเพลงนี้เป็นการส่วนตัวด้วย การที่ผมได้ร้องเพลงของรุ่นพี่ที่โด่งดังขนาดนั้น มันทำให้ผมรู้สึกดีใจมากๆ เลยครับ


ตอนนี้ก็ Debut เข้าปีที่ 4 แล้ว แล้วก็มีรุ่นน้องอย่าง FANTASTICS, BALLISTIK BOYZ เพิ่มขึ้นมาอีก Leader ของวงรู้สึกว่าวงของเราเนี่ยมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างไหม

Zin : ผมว่าการที่ทุกคนพยายามเพิ่มทักษะของตัวเองคือการเปลี่ยนแปลงที่สุดยอดแล้วครับ ถึงแม้ว่าตอนนี้อาจจะยังไม่สำเร็จ หรือยังทำได้ไม่เท่ากับที่คิดไว้ หรือมีช่วงเวลาที่ยากลำบากกันอยู่บ้างก็จริง แต่มันก็มีประสบการณ์ที่เราได้รับ ได้เรียบรู้ไปกับมันค่อนข้างเยอะครับ เหมือนอย่างครั้งนี้ ที่เราได้ทำ INVISIBLE LOVE ที่เป็นเพลงรักในแนวบัลลาดออกมา ก็ถือเป็นความท้าทายใหม่ของ THE RAMPAGE แล้วต่อไปในวันข้างหน้า ก็อาจจะความท้าทายใหม่ๆ ให้พวกเราได้พัฒนาตัวเองได้ยิ่งๆ ขึ้นไปด้วยก็ได้ครับ

ใครที่มีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด

LIKIYA : ถ้าเทียบกับตอนที่เริ่ม Debut ผมว่าก็เปลี่ยนแปลงกันทุกคนนะครับ แต่ผมว่ากลุ่มน้องเล็กของวง Takuma, Ryu, Takahide แล้วก็ Mako-chan ดูโตขึ้นครับ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอายุมากขึ้นนะครับ แต่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ตอนที่ตั้งวงแรกๆ เลย ผมน่าจะอายุประมาณ 23 มั้งครับ ส่วนคนอื่นๆ ก็ยังอยู่ประมาณ ม. ปลายกันอยู่เลย ตอนนั้นผมรู้สึกว่าเรายังห่างไกลกับ GENERATIOS กันมาก แต่ตอนนี้ก็เรียกได้ว่าพอจะเทียบกันได้แล้วครับ (หัวเราะ) ผมเลยรู้สึกว่าพวกเราเองก็โตขึ้นไม่น้อยเลย แล้วตอนนี้น้องเล็กของเราก็อายุครบ 20 กันแล้ว เราเลยไปดื่มกันได้บ่อยขึ้นด้วยครับ

Zin : วงเราไม่มีคนเกิดเดือนมิถุนายนเลยครับ แล้วถ้ามีจัดงานทุกคนก็จะมารวมตัวกันครับ

Hokuto : ด้วยความที่เรามีกันถึง 16 คน ก็เลยจะมีงานวันเกิดกันแทบทุกเดือนเลย ช่วงไหนที่ยุ่งๆ เราก็จัดงานรวมกันทีเดียวไปเลย แต่ก็ยังอวยพรให้กันครบทุกคนอยู่นะครับ


 
 
 

Comentários


Join our mailing list Never miss an update

Thanks for submitting!

© 2023 by Glorify. Proudly created with Wix.com

bottom of page